บังเอิญได้ไปเจอบทความนึงใน Muzlin เขาเขียนถึง Gradients ( การไล่เฉดสีจากสีหนึ่งไปยังสีหนึ่งหรือหลายๆสีก็ได้ ) ไว้อย่างน่าสนใจ จึงขอนำมาเล่าให้ฟังกันซักนิดนึงครับผม
เรารู้กันดีว่าสีเป็นองค์ประกอบสำคัญและมีประสิทธิภาพมากในการออกแบบ มันถูกใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการสื่อสาร และการออกแบบการรับรู้เรื่องสีได้รับการเปลี่ยนแปลงมาหลายยุคสมัยทั้งตัวเทคโนโลยี พื้นที่ที่ถูกนำไปใช้งาน รวมไปถึงรูปแบบความนิยมในการนำไปใช้แตะละยุคสมัยด้วย
ในทุกวันนี้เราเห็นแนวโน้มของการใช้ Gradients ในงานออกแบบสมัยใหม่เยอะขึ้น การไล่ระดับสีคือแนวทางที่ดูทันสมัย สวยงาม น่าสนใจ ต่างกับยุคสมัยนึงที่มันแสนจะเชยดูไม่สวยงาม และเป็นคุณสมบัติพื้นฐานที่มีโปรแกรม Adobe Illustartor เป็นอันดับแรกๆ และดูเหมือนปัจจุบันการใช้สีพื้น Solid กลายเป็นสิ่งน่าเบื่อแทน
Gradient in logo and UI (by Gleb Kuznetsov)
Gradients ถูกสร้างขึ้นจากการไล่ระดับสีที่แตกต่างกันสองสีหรือมากกว่านั้น ทำให้เกิดสีที่อยู่ตรงกลางซึ่งพอมองรวมๆกันมันจะเกิดเป็นสีใหม่ที่ดูแปลกตา ให้ความรู้สึกใหม่และสดใสมากขึ้น
Instagram’s new gradient logo
แม้จะไม่ใช่เรื่องใหม่แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นที่นิยมมากขึ้น ดูเป็นงานออกแบบของยุคสมัยใหม่ เป็นทางเลือกที่แบรนด์ใหม่ๆหลายแบรนด์เลือกใช้เช่น Instagram จึงประเมินได้ยากว่ามันจะเป็นแค่เทรนด์ที่ผ่านมาแล้วผ่านไป หรือจะเป็นได้มากกว่านั้นจนเป็นการใช้สีแบบใหม่ไปเลย มีความสำคัญเทียบเท่ากับสีพื้นต่างๆ
ทำไม Gradients จึงทันสมัย
1. แปลกตาน่าสนใจ
มันเกิดเป็นสีใหม่ที่น่าสนใจ และเมื่อมันน่าสนใจและเป็นอะไรที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนเราย่อมถูกสมองสั่งให้จดจำมันไว้ก่อนโดยอัตโนมัติ เรามีภาษาที่ใช้อธิบายสีต่างๆตั้งแต่เราเริ่มเรียนรู้หลังวัยทารก แต่การไล่สีเปิดมุมมองและความเป็นได้มากมายของสีแบบต่างๆ มันเลยน่าตื่นเต้นเหมือนได้เดินทางไปยังดินแดนใหม่ที่เราไม่เคยไป
Asana’s gradient logo
2. มีความเป็นเอกลักษณ์
แน่นอนว่าเมื่อมันมีการรวมกันของสีที่มากกว่าสองสี นั่นเท่ากับการเพิ่มความเป็นไปได้ของสีที่จะเกิดขึ้น ซึ่งจะไม่ใช่สีทั่วๆไปที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันที่แบรนด์ส่วนใหญ่ใช้กันมา มันจึงมีความซ้ำกันของสีองค์กรเกิดขึ้นบ่อยๆในจำนวนหลายล้านแบรนด์ทั่วโลก เกิดการจดจำยากเพราะเมื่อคุณเลือกจะใช้สีน้ำเงินเป็นสีของแบรนด์ มันจะมีสีน้ำเงินซักกี่เฉดให้คุณเลือกใช้หละ เมื่อคุณใช้ Gradients คุณจะได้เฉดและโทนสีเพิ่มขึ้นอีกมาก โอกาสจะซ้ำกับแบรนด์ใดๆก็ยิ่งน้อยลง
3.รู้สึกสมจริง
อาจฟังดูแปลกแต่จริงๆแล้วในชีวิตประจำวัน เราเห็นสิ่งต่างๆไล่น้ำหนักสีอยู่เสมอ อาจจะด้วยแสงเงาที่ตกกระทบ ความเข้มอ่อนของเงาทำให้วัตถุต่างๆมีการไล่ระดับสีให้เราเห็น นั่นคือแสงธรรมชาติเราจึงอาจะรู้สึกได้ถึงความเป็นธรรมชาตินี้ได้ไม่ติดขัดหากมันมาอยู่ในสิ่งที่ถูกประดิฐษ์ขึ้นอย่าง หน้าจอมือถือ หรือบนกระดาษ
Gradient in UI (by Alper Tornaci)
4. มีสีสัน ขี้เล่นเป็นกันเอง
สีที่มักถูกเลือกมาใช้สร้าง Gradients มักจะเป็นสีสด เพราะสีจืดชืดมักจะทำได้ไม่สวยเท่าไหร่ ทำให้ส่วนใหญ่เราจึงเห็นการจับคู่สีที่สดใสเหมือนดังดอกไม้หลากสีสันต่างๆในธรรมชาติ มาอยู่ร่วมกัน แน่นอนว่ามันให้ความรู้สึกสดชื่นขี้เล่นและอารมณ์ดีอยู่มากที่เดียว สิ่งนี้ช่วยกระตุ้นให้การนำไปใช้ถูกมองว่าดูเป็นสิ่งทันสมัยเป็นคนรุ่นใหม่ที่สนุกสนานดีทีเดียว
ก็ต้องรอเวลาพิสูจน์ตัวเองว่ามันจะเป็นเทรนด์ที่ผ่านมาแล้วผ่านไป หรือจะเติบใหญ่ไปเป็นอะไรที่มากกว่า แต่ไม่ว่า Gradients จะเป็นไปในทิศทางทางไหนก็ต้องยอมรับว่า ในวันนี้การนำมันมาใช้งานทำให้งานดูทันสมัยและเท่ขึ้นจริงๆ ว่าแล้วก็ไปตามหา Gradients แจ่มๆกันได้ที่นี่เลยครับ Webgradients
ติดตามบทความดีๆในแวดวง Design , Creative & Advertising ได้ที่
website : idxw.net
Facebook : IDXW
source : Muzli