Growth Mindset ของ Graphic Designer เป็นยังไง?

Growth Mindset ของ Graphic Designer เป็นยังไง?
ถ้าคนที่เคยอ่านหนังสือแนวฮาวทูต่างๆ มาบ้างน่าจะเคยได้ยินคำๆนี้อยู่บ่อยๆนะครับ นั่นคือคำว่า “Mindset”

ซึ่งผู้เขียน ( Carol s. Dweck น่าจะเป็นผู้ที่ทำให้คำๆนี้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ) ได้นิยามไว้กว้างๆ ว่ามันคือชุดความคิดหรือกรอบความคิดบางอย่างที่กำหนดพฤติกรรม การแสดงออกและทัศนคติต่อเรื่องต่างๆของคนๆนั้น ซึ่งเอาจริงก็นิยามให้เข้าใจแบบร้องอ๋อออออออเลยได้ยากนิดนึง เพราะมันตีความได้ค่อนข้างกว้างจริงๆ

แต่ในวันนี้ ผมขอพูดแบบทื่อๆหน่อยว่ามันคือ ทัศนคติที่เรามีต่อเรื่องต่างในชีวิต โดยเฉพาะส่วนของความก้าวหน้า ความสำเร็จ ความพัฒนาตัวเองตามสไตล์ฮาวทูแล้วกันนะครับ โดยเขาจะแบ่ง mindset คนออกเป็นสองประเภทใหญ่ๆเลย คือคนที่มี Growth Mindset ที่เชือว่าคนเราเรียนรู้พัฒนาได้ ส่วนอีกแบบคือ Fixed Mindset ที่ไม่เชื่ออย่างนั้น แต่จะเชื่อว่าคนแต่ละคนมีพรสวรรค์หรือความสามารถต่างๆ ที่ถ฿กกำหนดไว้แล้ว เป็นยังไงก็อย่างงั้นไม่สามารถเรียนรู้พัฒนาอะไรได้อีก และใครอยากรู้เพิ่มเติมกว่านี้ไปเสิร์ชหาใน Google เอาละกันนะครับ

มาต่อกันที่ Growth Mindset ของดีไซเนอร์ เป็นยังไงและตรงข้ามยังไงกับ Fixed Mindset แล้วทำไม Graphic Designer จำเป็นต้องมี Growth Mindset ด้วย ก็มันเอาไปใช้แค่เรื่องพัฒนาตัวเองไม่ใช่หรือ

ซึ่งใช่เลยครับ เพราะการทำงานทุกวันนี้เราจะอยู่กับทักษะเดิมๆ ไม่ได้แล้ว มันมีงานรูปแบบใหม่ๆ เข้ามาท้าทายความสามารถอยู่ตลอดเวลา สิ่งหนึ่งที่ช่วยให้ Graphic Design ปรับตัวได้ก็คือทัศนคติ หรือ ชุดความอย่างที่ว่านี้หละครับ ที่จะช่วยให่การเรียนรู้เป็นเรื่องสนุก เป็นเรื่องที่ใครๆ ก็สามารถทำได้

แต่บอกเลยว่าแค่มีทัศนคติบวกๆ โลกสวยจัง เดี๋ยวยังไงฉันก็เก่งแค่ฉันยิ้มแย้มและเชื่อไปวันๆ อันนั้นก็ไม่ได้ช่วยอะไรนะครับ เพราะมันต้องอาศัยการลงมือทำให้เกิดผลลัพธ์ไปด้วยครับ

ผมเลยลองหยิบเอาเหตุการณ์แบบต่างๆ ที่คนมี ​ Growth และ Fixed Mindset เจอเหมือนๆกัน แต่มีความคิดต่อมันต่างกัน มาจำลองเป็นภาพของชาว Graphic Designer ดูว่ามันจะเป็นยังไงได้บ้าง

CHALLENGES ความท้าทายต่างๆ เช่นโจทย์ของงานที่ยากขึ้น ที่ต้องใช้เวลามากๆ หรือต้องไปศึกษาค้นหาวิธีการทำงานที่ไม่เคยทำมาก่อนเพื่อมาใช้กับงานยากๆ ที่ท้าทายความสามารถ
Fixed Mindset : มักจะหลีกเลี่ยงและใช้กระบวนการทำงานเดิมๆ และแน่นอนว่าก็ควรจะได้ผลลัพธ์เดิมๆ
Growth Mindset : จะชอบที่ได้ทดลองทำอะไรที่ไม่เคยทำ มองความท้าทายเป็นโอกาสเรียนรู้ ดีไซเนอร์เหล่านี้ก็จะนั่งดู Tutorial ได้เป็นๆวันเพื่อคลายข้อสงสัยในเทคนิคการทำงานเพื่อตอบโจทย์ยากๆ ที่ได้รับมา

OBSTACLES (อุปสรรค) อะไรก็ตามที่ทำให้งานไม่ราบรื่น เช่นงานไม่ผ่าน คอมดับ ไม่มี Source มากพอในการทำงาน ฯลฯ
Fixed Mindset : มักจะยอมแพ้ต่อโชคชะตา พอกันที โชคไม่ดีเลยนะเรา
Growth Mindset : จะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ จะหาทางแก้ปัญหาให้สำเร็จจนได้ แม้จะไม่ได้แก้ปัญหาได้ทันที แต่ก็จะยังมีหนทางให้คิดต่อว่าทำยังไง เช่น งานไม่ผ่านก็จะถามถึงเหตุผลจริงๆ แล้วนำมาวิเคราะห์ปรับปรุงผลงานนั้นให้สามารถผ่านได้

EFFORT ( ความพยายาม ) การสร้างงานชิ้นหนึ่งหรือการต้องเสนอขายผลงานบางอย่าง อาจจะต้องใช้ความพยายามมากกว่าปกติ เข่นต้องต้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมเยอะไปหน่อย หรือต้องหาวิธีการทำงานที่ยากกว่าปกติ ซึ่งแปลว่าดีไซเนอร์ต้องออกแรงพยายามมากกว่าเดิมนี่เอง
Fixed Mindset : มองว่าความพยายามไม่มีประโยชน์เสียเวลาเปล่า ไม่เชื่อว่าพยายามแล้วจะสำเร็จ
Growth Mindset : มองความพยามเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดให้ได้สิ่งที่ต้องการ อยากทำไรเป็นก็ไปเรียนรู้จนกว่าจะเข้าใจและทำเป็น อยากได้งานมากๆก็ตั้งใจทำอย่างดี มีการซักซ้อมทำความเข้าใจงานที่จะไปขายอย่างเต็มที่

CRITICISM ( คำวิจารณ์ ) เป็นเรื่องที่คนทำงานออกแบบต้องเจอเป็นประจำคือ การตัดสินผลงานจากผู้อื่นหรือคอมเมนท์จากลูกค้านั่นเองครับ โดยเฉพาะคอมเมนท์ในแง่ลบ เพราะคำชื่นชมใครๆก็ชอบ แต่คำติติงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ จะรู้สึกยังไง
Fixed Mindset : รู้สึกเสียใจไม่ชอบฟัง และตอกย้ำความเชื่อที่ว่าตัวเองนั้นไม่เก่ง ทำได้แค่นี้อย่างที่ถูกวิจารณ์มา และก็จะหาทางออกด้วยการกล่าวโทษนั่นนี่มากกว่านำมาปรับปรุงผลงาน
Growth Mindset : มองคำวจารณ์แง่ลบเป็นเหมือนข้อคิดที่ดีมีประโยชน์ เพราะช่วยให้ตนเองมองเห็นจุดอ่อนข้อด้อยของงานนั้นๆ ในมุมที่ตัวเองไม่เคยคิด มีประโยชน์ต่อการนำไปคิดและปรับปรุงผลงานตัวเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆได้

SUCCESS of OTHER ( ความสำเร็จของคนอื่น ) เมื่อเห็นคนอื่นประสบความสำเร็จ เช่น งานได้รับคำชื่นชม ได้รับรางวัลต่างๆ หรือเห็นงานเจ๋งๆ ที่ตัวเองทำไม่ได้
Fixed Mindset : รู้สึกถูกคุกคามไม่ค่อยพึงพอใจ และเพิกเฉยไปเลย ทำเหมือนไม่รับรู้และสนใจ เห็นงานเจ๋งๆ แล้วก็ท้อว่าคงไม่สามารถทำได้แบบเขา แอบเศร้าใจนิดๆ
Growth Mindset : ใช้เป็นแรงบันดาลใจกระตุ้นตัวเอง ศึกษาดูว่าเขาทำอย่างไรถึงสำเร็จได้ งานเจ๋งๆ ก็จะยิ่งกระตุ้นให้อยากทำงานที่เจ๋งๆ ด้วยเหมือนกัน

ลองตรวจสอบตัวเองดูนะครับว่าเรานั้นมี Mindset ในการดำเนินชีวิตนักออกแบบเป็นแบบไหน หากเป็นไปในทาง Fixed มากกว่า ก็น่าจะถึงเวลาที่ต้องลองปรับดูแล้วหล่ะครับ เพราะเอาจริงๆ ผมก็เชื่อว่าคนเราทุกคนถ้าไม่ได้มีความเจ็บป่วยร้ายแรง หรือความผิดปกติทางร่างกายหรือในสมองที่เป็นเรื่องทางกายภาพแล้ว หรือว่าขาดโอกาสอย่างรุนแรง ก็น่าจะสามารถพัฒนาความคิดความสามารถและทักษะอะไรต่างๆได้

ทุกความเป็นไปได้ จะเกิดขึ้นจริงกับคนที่ เห็นความเป็นไปได้นั้นครับ